วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

พื้นฐาน การประกอบ อาชีพทำสวนมะนาว ต้องอยู่ได้

            ในการทำอาชีพสวนมะนาวให้ไปรอดมีกำไร อยู่ได้ หัวใจ คือ การยืนระยะให้ได้ ประครองตัวให้รอด พอมีกำไร  พออยู่ได้  แล้ว ค่อยคิดทำกำไร ก้อนโตทีหลัง ราคามะนาว มีขึ้น มีลง หาก เจ้าของสวนมะนาว พื้ยฐานแน่น  เข้มแข็ง ก็จะอยู่รอดได้  ผู้เขียน มี หลักการ 5 ข้อ ในการทำสวนมะนาวเป็นอาชีพมาฝากครับ


1 สามารถลดต้นทุนได้  หากเจ้าของสวนมะนาว สามารถลดต้นทุน ได้มาก โอกาสขาดทุน หรือ ล่มจม จะน้อยแล้ว  แม้ ราคามะนาว อาจจะตกต่ำ  แต่ ถ้าต้นทุนเราต่ำกว่า เราก็อยู่ได้สบาย แนวทางการลดต้นทุนได้แก่

  • การประหยัดค่าปุ๋ย โดยใช้ปอเทือง ทำปุ๋ยหมักใช้เอง การปรับสภาพกรดด่างของดิน การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินแบบพอดี 
  • การตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง  แสงแดด เข้าได้ช่วย ลดโรคจากรา แบคทีเรียได้ ทำให้ ประหยัด ค่ายารักษาโรคมะนาวได้
  • การพ่นฝอยน้ำเป็นประจำ ช่วงอาการแห้งแล้ง ช่วยป้องกัน ไรแดง และ เพลี้ยไฟ ได้ดี ทำให้ ประหยัด ค่ายาฆ่าแมลงลงได้มาก


2 สามารถทำมะนาวนอกฤดูได้ จะทำให้ ขายมะนาว ราคาแพงกว่าปกติได้ถึง 3 เท่า หลักการทำมะนาวนอกฤดูคือ
  • ตัดปลายกิ่ง ทุก กิ่ง ช่วงต้นเดือน สิงหาคม  พร้อมให้ปุ๋ยบำรุงใบ  และรักษาไบ่อนด้วย ยาฆ่าแมลง ตามสูตร 1-4-8
  • เมื่อ มะนาวแตกใบอ่อน ครบ 1 เดือน ก็กดการแตกใบชุดใหม่ ด้วย ปุ๋ยโยกหลังทางใบ และสารแพคโคลบิวทางโซล  ขนาด 400 ppm
  • อดน้ำมะนาว  ตั้งแต่  10 ตุลาคม เป็นต้นไป  และ กดไนโตรเจน ด้วยปุ๋ย 0-52-34 เมื่อมีฝนตก
  • เปิดตาดอก ด้วยการให้น้ำและ ปุ๋ย 13-0-46 ในเดือน ธันวาคม หากมะนาวออกดอก เดือนนี้ จะสามารถเก็บผลมะนาวช่วงราคาแพง ขายได้ 

แพคโคลบิวทาโซล


3 การรักษาผลมะนาวให้มีคุณภาพดี ผิวสวย ผลใหญ่ น้ำมาก


ให้ อ่าน ในบทความ นี้    คลิก การดูแลผลมะนาวให้ดี 



ปุ๋ยโยกหลังทางใบ


4 การพัฒนาคุณภาพให้สวนมะนาวผ่านการรับรอง GAP ตาม มาตราฐาน กระทรวงเกษตร จะทำให้มะนาวได้รับการยอมรับ ในการขายในห้างสรรพสินค้า และ สามารถส่งออกได้ ทำให้ได้ราคาขายเพิ่มขึ้น




5 การสร้างจุดเด่น และ ชื่อเสียงให้ กับ มะนาวของคุณ  ทำให้ มะนาวได้รับความนิยม ขายดี มีลูกค้าประจำ ราคาก็จะดีไปด้วย ไม่มีราคาตกง่ายๆ


วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

อย่าลืมดูแลดินด้วย

แสดงการดูธาตุอาหารตาม pH ดิน


การปลูกไม้ผลทุกชนิด  ดินสำคัญมาก เพราะหากดินมีปัญหา จะส่งผลเสียดังนี้

1 ดินเป็นกรดมากไป ธาตุอาหารจะไม่ดูดซึม ให้ ปุ๋ยไปก็ไร้ค่า

2 ดินเป็นกรดมากไป พืชจะเครียด อ่อนแอ เกิดโรคกับ ระบบราก จนยืนต้นตาย




3 ดินที่ขาดอินทรีย์วัตถุ ทำให้ ไม่สามารถเก็บกัก ธาตุอาหารได้

4 ดินที่ขาดจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ ทำให้ ธาตุอาหาร น้อย และเกิดโรคติดเชื้อ


วัด pH ดิน ทุก 3 เดือน


สิ่งที่ต้องทำก็คือ

  • ตรวจวัด pH ดิน หากต่ำกว่า 6 แสดงว่าดินเป็นกรด ต้องแก้ด้วยปูนขาว หรือ โดลาไมท์ ให้ได้ค่า pH อยู่ประมาณ 6.5-7.0 กำลังดี
  • ติมปุ๋ยหมักลงในดิน  ทุก 6 เดือน  และ คลุมฟางที่รอบทรงพุ่มต้นไม้ทุกปี ปล่อยให้ฟางย่อยสลายไปเอง

  • เติมเชื้อ EM   เชื้อรา ไตรโครเดอร์มา และ หัวเชื้อแบคทีเรีย คิลเลอร์บี ลงดินทุก ๆ 6 เดือน


คิลเลอร์บี ให้ แบคทีเรีย ที่มีประโยชน์ แก่ พืช