วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

ตารางการทำมะนาวนอกฤดู

1 มิถุนายน ให้ บำรุง ต้นมะนาว ด้วย ปุ๋ยทางดินโยกหน้า ต้นละ 500 กรัม + ปูนโดโลไมท์ 500 กรัม


2 ต้นกรกฏมคม ให้ ตัดกิ่งที่อยู่ลึก ในพุ่ม ไม่โดนแสง ทิ้งไป พ่นยากำจัดแบคทีเรีย และเชื้อรา

3  กลางสิงหาคม ให้ ตัดปลายกิ่งมะนาว 2 เซนติเมตร ทุกกิ่ง แล้ว ต่อมา พ่น ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ + ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอกเก่าทางดิน ต้นละ 1 กิโลกรัม ตามด้วย ปุ๋ยทางดินโยกหน้า ต้นละ 300 กรัม ช่วงปลายเดือน สิงหาคม ให้ น้ำตามปกติ

31 สิงหาคม พ่น แพคโคบิวทาโซล 400 ppm ให้ทั่วทุกใบ พอเปียก


***เมื่อมะนาว แตกใบอ่อนให้ พ่นยาทันทีอย่างน้อย 3 รอบ สููตร 1-4-8 โดยในวันแรก พ่นอิมิดาคลอพริด 2 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร เพื่อป้องกันหนอนเพลี้ย ในวันแรก ต่อมาวันที่ 4 ให้ใช้ อะบาเม็กติน 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร  แล้วในวันที่ 8  ให้ใช้เซพวิน 85 หนัก 25 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่ว ****

4 ต้นกันยายน บำรุงใบด้วย ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 7 วัน  จำนวน 2 รอบ
เสริม ไตรโครเดอร์ม่า ลงดินรอบทรงพุ่ม  ปลายเดือน กันยายน พ่นยากำจัดแบคทีเรีย และเชื้อรา  1 รอบ และ ให้ น้ำตามปกติ



5 ต้นตุลาคม พ่นปุ๋ยโยกหลังทางใบ และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 7 วัน  จำนวน 4  รอบ  ตามด้วย ให้ ปุ๋ยทางดินสูตร 0-0-60  จำนวนต้นละ 200 กรัม   พอ ถึงวันที่ 15 ตุลาคม พ่น แพคโคบิวทาโซล 400 ppm ให้ทั่วทุกใบ พอเปียก  งดให้น้ำแก่มะนาว 



6  พฤศจิกายน พ่นปุ๋ยโยกหลังทางใบ และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 7 วัน  จำนวน 4  รอบ  งดให้น้ำเด็ดขาด หากมีฝนตก ให้ ปุ๋ยทางใบสูตร 0-52-34 และ ปุ๋ยทางดินสูตร 0-0-60 จำนวน 100 กรัมต่อต้น


7 ธันวาคม งดน้ำ รอจนใบมะนาวแก่จัด  และ เริ่มเหี่ยวขาดน้ำ พอประมาณ  แล้ว ให้ เริ่มเปิดตาดอกได้ โดย

การเปิดตาดอก 
วันที่ 1 ให้ น้ำเต็มที่ 120%
วันที่ 2 ให้น้ำพอประมาณ 75%
วันที่ 4 ให้ ปุ๋ยทางใบสูตร 13-046 จำนวน 100 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร
วันที่ 5  ให้น้ำพอประมาณ 80%  ปุ๋ยทางดินสูตรเสมอ 15-15-15 ต้นละ 100 กรัม
รอให้ ดอกมะนาว ออก ระหว่างนีั้ ให้ น้ำ 80% ทุกวัน ดอกมะนาว ควรออก
อย่างช้าที่สุด ภาย 31 ธันวาคม เร็วสุด ราว 8 ธันวาคม 



เดือน ธันวาคม มักมีการแตกใบอ่อน ก่อนมะนาวออกดอก ให้ใช้ การพ่นยากำจัดแมลง สูตร 1-4-8 ทันทีที่แตกใบอ่อน

8 มกราคม มะนาวจะติดผลชัดเจน ให้ เพิ่ม น้ำเป็น 120% และ ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า แก่มะนาว ต้นละ จำนวน 200 กรัม  และ ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 14  วัน   และ อย่าลืม พ่นยากำจัดแบคทีเรีย และเชื้อรา  อีก 1 รอบ  นอกจากนี้ ควร พ่น เซพวิน สลับ อิมิดาโคลพริด + กำมะถัน เนื้อทาง เพื่อ ป้องกันเพลี้ยไฟ ไรแดง ทุก 14 วัน



9 กุมภาพันธ์ ผลมะนาวจะเริ่ม ขยาย ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า แก่มะนาว ต้นละ จำนวน 200 กรัม  และ ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 14  วัน   ให้ พ่นเซพวิน 85   จำนวน 1 ครั้ง เพื่อกำจัดหนอน และเพลี้ยไฟ

10 ต้นมีนาคม ผลมะนาว จะใหญ่ขึ้นอีก ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า แก่มะนาว ต้นละ จำนวน 200 กรัม  และ ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 14  วัน    ให้ พ่นอิมิดาคลอพริด  จำนวน 1 ครั้ง เพื่อกำจัดหนอน และเพลี้ยไฟ

11 กลาง เมษายน ถึง  พฤษภาคม ให้เก็บมะนาวลูกใหญ่ ขาย โดยต้องรีบเก็บก่อนผลมะนาว จะมีสีเหลือง

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

ทำสวนมะนาวให้ดีต้องมีกำไร

หากอยาก ทำสวนมะนาวให้มีกำไร ก็ หลักง่ายๆ คือ


1 ขายได้ ขายดี ผลิต มะนาว ให้ได้มากพอ และ ขายเป็น ขายเก่ง หาตลาดได้  คือ ต้องรู้ ว่าผลิตมะนาวออกมา   แล้ว รู้จะไปขายให้ใคร  หรือ ขายที่ไหน การตลาด การขายต้องพอเป็นบ้าง ขาดไม่ได้เลย   ผลิตมะนาว ออกมาต้องขายได้  หากอยาก ขายได้ มะนาวต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้่าหมาย



2 ขายให้ได้ ราคาดี ต้อง ทำมะนาวนอกนอกฤดู และ  ต้องสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก  ในกลุ่มลูกค้า มะนาวนอกฤดู จะมีออกมา ช่งวเดือน มีนาคม เมษายน  และ พฤษภาคม ของทุกปี  และ สุดท้าย ยุคนี้ เป็นเรื่องของ แบรนด์ สินค้าทุกชนิด ต้องมี แบรนด์ ที่ลูกค้ารู้จัก  และ สนใจ ตรงนี้ สำคัญมาก  สรุป มะนาวของคุณต้อง มียี่ห้อ คล้ายๆ กับ ส้มสายน้ำผึง ที่มีการสร้างแบรนด์






3 คุมต้นทุนให้ ต่ำไว้ก่อน การเลือกใช้  ปัจจัยการผลิต  อย่างถูกต้อง คุ้มค่า  และปรหยัด  โดยเฉพาะการใช้ ปุ๋ย หรือ หรือ สารกำจัดหญ้า  2 อย่างนี้ คนไหนคุมให้ ต่ำได้  แค่  การลดค่าปุ๋ย
 และ อาหารเสริม  ช่วยลดต้นทนได้ชัดเจน


วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

พื้นฐาน การประกอบ อาชีพทำสวนมะนาว ต้องอยู่ได้

            ในการทำอาชีพสวนมะนาวให้ไปรอดมีกำไร อยู่ได้ หัวใจ คือ การยืนระยะให้ได้ ประครองตัวให้รอด พอมีกำไร  พออยู่ได้  แล้ว ค่อยคิดทำกำไร ก้อนโตทีหลัง ราคามะนาว มีขึ้น มีลง หาก เจ้าของสวนมะนาว พื้ยฐานแน่น  เข้มแข็ง ก็จะอยู่รอดได้  ผู้เขียน มี หลักการ 5 ข้อ ในการทำสวนมะนาวเป็นอาชีพมาฝากครับ


1 สามารถลดต้นทุนได้  หากเจ้าของสวนมะนาว สามารถลดต้นทุน ได้มาก โอกาสขาดทุน หรือ ล่มจม จะน้อยแล้ว  แม้ ราคามะนาว อาจจะตกต่ำ  แต่ ถ้าต้นทุนเราต่ำกว่า เราก็อยู่ได้สบาย แนวทางการลดต้นทุนได้แก่

  • การประหยัดค่าปุ๋ย โดยใช้ปอเทือง ทำปุ๋ยหมักใช้เอง การปรับสภาพกรดด่างของดิน การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินแบบพอดี 
  • การตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง  แสงแดด เข้าได้ช่วย ลดโรคจากรา แบคทีเรียได้ ทำให้ ประหยัด ค่ายารักษาโรคมะนาวได้
  • การพ่นฝอยน้ำเป็นประจำ ช่วงอาการแห้งแล้ง ช่วยป้องกัน ไรแดง และ เพลี้ยไฟ ได้ดี ทำให้ ประหยัด ค่ายาฆ่าแมลงลงได้มาก


2 สามารถทำมะนาวนอกฤดูได้ จะทำให้ ขายมะนาว ราคาแพงกว่าปกติได้ถึง 3 เท่า หลักการทำมะนาวนอกฤดูคือ
  • ตัดปลายกิ่ง ทุก กิ่ง ช่วงต้นเดือน สิงหาคม  พร้อมให้ปุ๋ยบำรุงใบ  และรักษาไบ่อนด้วย ยาฆ่าแมลง ตามสูตร 1-4-8
  • เมื่อ มะนาวแตกใบอ่อน ครบ 1 เดือน ก็กดการแตกใบชุดใหม่ ด้วย ปุ๋ยโยกหลังทางใบ และสารแพคโคลบิวทางโซล  ขนาด 400 ppm
  • อดน้ำมะนาว  ตั้งแต่  10 ตุลาคม เป็นต้นไป  และ กดไนโตรเจน ด้วยปุ๋ย 0-52-34 เมื่อมีฝนตก
  • เปิดตาดอก ด้วยการให้น้ำและ ปุ๋ย 13-0-46 ในเดือน ธันวาคม หากมะนาวออกดอก เดือนนี้ จะสามารถเก็บผลมะนาวช่วงราคาแพง ขายได้ 

แพคโคลบิวทาโซล


3 การรักษาผลมะนาวให้มีคุณภาพดี ผิวสวย ผลใหญ่ น้ำมาก


ให้ อ่าน ในบทความ นี้    คลิก การดูแลผลมะนาวให้ดี 



ปุ๋ยโยกหลังทางใบ


4 การพัฒนาคุณภาพให้สวนมะนาวผ่านการรับรอง GAP ตาม มาตราฐาน กระทรวงเกษตร จะทำให้มะนาวได้รับการยอมรับ ในการขายในห้างสรรพสินค้า และ สามารถส่งออกได้ ทำให้ได้ราคาขายเพิ่มขึ้น




5 การสร้างจุดเด่น และ ชื่อเสียงให้ กับ มะนาวของคุณ  ทำให้ มะนาวได้รับความนิยม ขายดี มีลูกค้าประจำ ราคาก็จะดีไปด้วย ไม่มีราคาตกง่ายๆ


วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

อย่าลืมดูแลดินด้วย

แสดงการดูธาตุอาหารตาม pH ดิน


การปลูกไม้ผลทุกชนิด  ดินสำคัญมาก เพราะหากดินมีปัญหา จะส่งผลเสียดังนี้

1 ดินเป็นกรดมากไป ธาตุอาหารจะไม่ดูดซึม ให้ ปุ๋ยไปก็ไร้ค่า

2 ดินเป็นกรดมากไป พืชจะเครียด อ่อนแอ เกิดโรคกับ ระบบราก จนยืนต้นตาย




3 ดินที่ขาดอินทรีย์วัตถุ ทำให้ ไม่สามารถเก็บกัก ธาตุอาหารได้

4 ดินที่ขาดจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ ทำให้ ธาตุอาหาร น้อย และเกิดโรคติดเชื้อ


วัด pH ดิน ทุก 3 เดือน


สิ่งที่ต้องทำก็คือ

  • ตรวจวัด pH ดิน หากต่ำกว่า 6 แสดงว่าดินเป็นกรด ต้องแก้ด้วยปูนขาว หรือ โดลาไมท์ ให้ได้ค่า pH อยู่ประมาณ 6.5-7.0 กำลังดี
  • ติมปุ๋ยหมักลงในดิน  ทุก 6 เดือน  และ คลุมฟางที่รอบทรงพุ่มต้นไม้ทุกปี ปล่อยให้ฟางย่อยสลายไปเอง

  • เติมเชื้อ EM   เชื้อรา ไตรโครเดอร์มา และ หัวเชื้อแบคทีเรีย คิลเลอร์บี ลงดินทุก ๆ 6 เดือน


คิลเลอร์บี ให้ แบคทีเรีย ที่มีประโยชน์ แก่ พืช