วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปุ๋ยโยกหน้าทางดิน หาซื้อไม่ได้ทำไงดี ผมมีทางออก

ปกติ ไม้ผล หรือ ไม้ยืนต้น ทุก ชนิด ต้องการ ปุ๋ยโยกหน้ามากที่สุด

เนื่องจาก ปุ๋ยโยกหน้า จำเป็นต่อ ไม้ผลในเกือบทุกระยะ เรียกว่าใน

1 ปี มี 12 เดือน เราต้องใส่ ปุ๋ยโยกหน้า อยู่เกือบๆ 10 เดือนเลยทีเดียว



กล่าวคือ ช่วง มะนาว หรือ ไม้ผลกำลังโต ก็ใส่ ปุ๋ยโยกหน้า ตลอดเลย

หรือ ตอนติดผลแล้ว ต้องการให้มีผลขนาดใหญ่ ก็ใส่ปุ๋ยโยกหน้าอีก

จะมีใส่ปุ๋ยโยกหลัง แค่ 2 ช่วง คือ ก่อนออกดอกเกือบ 2 เดือน และตอน

ก่อนจะเก็บผล   เท่านั้น เราจะใส่ปุ๋ยดยกหลังเพื่อเพิ่ม ความหวานให้

ผลไม้ ปุ๋ยโยกหน้า ที่ มีจำหน่าย ผมเห็น บ่อยๆ มี อยู่ 2 ยี่ห้อ ก็คือ


  • ปุ๋ยยาร่า 21-7-14 + แคลเซี่ยม
  • ปุ๋ยพลอยเกษตร  21-7-18 


แต่ถ้า หาซื้อปุ๋ยโยกหน้า ไม่ได้ จริงๆ ท่านสามารถผสม ปุ๋ยโยกหน้าใช้เองได้โดยการ
 นำปุ๋ยที่หาซื้อง่าย สามชนิด มาผสมกัน คือ ปุ๋ยสูตร ยูเรีย สูตรเสมอ 15 และ สูตร โปตัสเซี่ยม


  1. ปุ๋ยยูเรีย  46-0-0 จำนวน 2 ส่วน
  2. ปุ๋ยสุตร 15-15-15 จำนวน 1 ส่วน
  3. ปุ๋ยสูตร 0-0-60  จำนวน 1 ส่วน
ผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน มากที่ สุด จะได้เป็นประมาณ  ปุ๋ยสูตร    27- 4-19  ซึ่งลงตัวพอดี


กล่าว คือ ปุ๋ยโยกหน้า ต้องการ ไนโตรเจน หรือ N มาก  และ โปตัสเซี่ยม หรือ K ลองลงมา


นั่นเอง  ปกติ การให้ปุ๋ยโยกหน้า ควรให้บ่อยๆ แต่ให้ ทีละน้อย โดยอาจให้ ทุก 7-14 วัน/ครั้ง





วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปุ๋ยโยกหลังทางดิน ผสมใช้เองได้

ปุ๋ยโยกหลังทางดินคือ ปุ๋ยที่มี ไนโตรเจน หรือ  N  น้อย  แต่จะมี  โปตัสเซี่ยม หรือ  K มาก

 ปกติ ปุ๋ยโยกหลังทางดิน หาซื้อสำเร็จรูป ได้ยากมาก ดังนั้น เราจำเป็น ต้องผสมปุ๋ยใช้เอง



โดยเตรียมปุ๋ยสูตร 15-15-15  ปริมาณ 1 ส่วน ผสมกับ ปุ๋ยสูตร 0-0-60 ปริมาณ 1 ส่วน

ผสมให้เข้ากัน ให้ดีที่สุด จะได้เป็นปุ๋ย สูตร 7.5-7.5-37.5 หรือ 15-15-75 ซึ่งจะได้สัดส่วน

N น้อย  แต่ K มาก เมื่อ  ไนโตรเจน หรือ  N  น้อย ต้นไม้ ก็จะไม่ค่อยแตกใบอ่อนออกมา

จะเหลือแต่ใบเต็มวัย ทำให้ ทุกใบของต้นไม้ สังเคราะห์แสง ได้เต็มที่ เต็มประสิทธิภาพ 100%



ทำให้ พืชมี การสะสมอาหาร ได้อย่างเต็มที่ พร้อมออกดอก และ ให้ผลผลิตต่อไป ได้

ในทางตรงกันข้าม กับ การให้ปุ๋ยโยกหน้าที่มี ไนโตรเจน หรือ  N  มาก จะกระตุ้นให้แตกใบอ่อน

ใบอ่อน ที่ พึ่งเกิดใหม่ ยังไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ทันที จึงต้องดึงอาหารสะสม จาก ต้นพืช

มาใช้ ทำให้ ไม่มีอาหารสะสมมากพอ  ทำให้ พืชไม่สามารถ ออกดอกได้นั่นเอง  และ ประโยชน์

ของ  ปุ๋ยโยกหลังทางดิน ก็ คือ การที่ มี  โปตัสเซี่ยม หรือ  K มาก จะ ช่วยลำเลียงแป้ง หรือ น้ำตาล

ได้ดีขึ้น ดังนั้น    ปุ๋ยโยกหลังทางดิน  จะทำให้ ผลไม้มีรสหวาน ขึ้นนั่นเอง

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

7 ยาฆ่าแมลง ที่แนะนำให้ ใช้ สำหรับ มะนาว และ ไม้ผลต่างๆ

          ยาฆ่าแมลง แบบเคมี  ยังคงมีความจำเป็นอยู่ ในการปลูกไม้ผลในเขตร้อน ของประเทศไทย

โดยเฉพาะ     เกษตรกร ที่ไม่ได้   ทำงานสวนเต็มเวลา หรือ เก่งเรื่อง เกษตรอินทรีย์มาก คงยากที่จะ



หลีกเลี่ยง สารเคมีในการควบคุม และ กำจัดแมลง ศัตรูพืชได้ โดยบทความ นี้ จะเน้น กับไม้ผล พวก

มะนาว ส้ม ส้มโอ มะกรูด มะละกอ ทุเรียน และ ขนุน เป็นต้น มันมีหลักการและศัตรูพืชที่คล้ายๆกันอยู่





  1. อะบาเม็กติน
  2. อิมิดาคลอพริด
  3. คาร์บาริล
  4. แลมด้า ไซฮาโลทริน
  5. ฟิโพรนิล
  6. อามีทราช
  7. ผงกำมะถัน



 แต่ละตัว  ผู้เขียน จะยังไม่ลงรายละเอียด เพราะ จะเขียนแยก ยาฆ่าแมลง ทั้ง 7 ชนิด อยู่แล้ว ในบล็อก

แต่จะสรุป สั้น ๆ ในแต่ละตัว พอ ซึ่ง ได้แก่



1 อะบาเม็กติน เป็นยาฆ่าแมลงที่เข้าน้ำมัน หรือ เป็นยาร้อน ใช้กำจัด ได้ทั้งหนอนและเพลี้ย





2 อิมิดาคลอพริด  เป็นยาฆ่าแมลงที่ละลายน้ำ พ่นใส่ผลไม้ได้ ใช้กำจัด ได้ทั้งหนอนและเพลี้ยไฟ


3 คาร์บาริล เป็นยาฆ่าแมลงแบบผง สามารถใช้  กำจัด ได้ทั้งหนอนและเพลี้ย



4 แลมด้า ไซฮาโลทริน  เป็นยาฆ่าแมลงที่เข้าน้ำมัน หรือ เป็นยาร้อน ใช้กำจัด ได้ทั้งหนอนและเพลี้ย



5 ฟิโพรนิล ปกติจะใช้ในรูปแบบยาน้ำ   ใช้กำจัด ได้ทั้งปลวก ด้วง และเพลี้ย



6 อามีทราช ใช้กำจัดไรแดง ไรสนิม





7 ผงกำมะถัน   เป็นผงสีเหลือง ใช้ผสมน้ำ  ใช้กำจัดไรแดง ไรสนิม



วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

รวม 4 เทคนิครากดี บอกต่อ สำหรับมะนาว และ ไม้ผลอื่นๆ

สำหรับพืชแล้ว ราก มีส่วนสำคัญมาก ถึงมากที่สุด  เนื่องจาก รากมีหน้าที่

ดูดน้ำ และ ธาตุอาหารจากดินไปใช้  หากรากมีปัญหา การดูดน้ำ ธาตุอาหาร




จะทำได้ น้อยกว่าปกติ  ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของมะนาว และ ไม้ผล

เกือบทุกชนิด  หากรากพืชต้องตายลงเพราะเชื้อโรค หรือ สารเคมีแล้วนั้น




มันจะทำให้มะนาว ส้ม หรือ ไม้ผล ตายได้เลยทีเดียว ต่อไปนี้ คือ เทคนิค

ขั้นเทพ 4 ข้อ ที่จะทำให้รากมะนาวดี แม้จะปลูกไปแล้ว ก็ตามที

1 ปรับปรุงดิน โดยการเติมปูนขาว กรณี ดินมีความเป็นกรด หรือ pH ต่ำกว่า 5.5
นอกจากนี้ การให้ ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก จะส่งผลให้ดินมีโครงสร้างที่ดี
และมีธาตุอาหารเพียงพอ จะส่งดีทันที ทำให้รากมะนาวแข็งแรง และ มีการเจริญ
เติบโต ของรากดีขึ้น




2 การเติมเชื้อรา และ แบคทีเรีย ที่ดี มีประโยชน์ลงในดิน จะช่วยในหลายๆด้าน เช่น
ทำให้รากได้รับการคุ้มครอง ป้องกันจากโรครากเน่า โคนเน่า ไม่ว่าจะเป็นการเติม


แบคทีเรีย Killer B หรือ ราไตรโครเดอร์ม่า เป้นประจำ ทุก 6 เดือน นอกจากนี้ ยังมี
ประโยชน์เรื่องการย่อยสลายปุ๋ย อินทีย์วัตถุในดิน  กระตุ้นภูมิต้านทาน ให้พืชอีกด้วย




3 การแก้ไขปัญหาดินแน่น โดย แทงเหล็กเส้น 4 ถึง 8 รู รอบ ทรงพุ่มมะนาว ปัญหาดินแน่น
จะพบได้มาก กรณี ปลูกมะนาววงบ่อ ควรมีการตรวจดูว่า มีดินแน่นหรือไม่ทุก 6 เดือน
นอกจากนี้ การเติมทรายหยาบ และ ปุ๋ยคอก ก็ช่วยลดอาการดินแน่นได้ดีมาก




4 การใช้ฟางข้าวคลุมดิน  โดยฟางข้าวจะช่วยเพิ่้มความชื้น และ ลดความร้อนที่ผิวดิน
ทำให้รากมะนาว หรือ ไม้ผลจะเจริญงอกงาม เพิ่มมากขึ้น และต่อมา เมื่อเศษฟางย่อยสลาย
ก็จะให้อินทรีย์วัตถุ และ ธาตุอาหารแก่พืชอีกด้วย