วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

ตารางการทำมะนาวนอกฤดู

1 มิถุนายน ให้ บำรุง ต้นมะนาว ด้วย ปุ๋ยทางดินโยกหน้า ต้นละ 500 กรัม + ปูนโดโลไมท์ 500 กรัม


2 ต้นกรกฏมคม ให้ ตัดกิ่งที่อยู่ลึก ในพุ่ม ไม่โดนแสง ทิ้งไป พ่นยากำจัดแบคทีเรีย และเชื้อรา

3  กลางสิงหาคม ให้ ตัดปลายกิ่งมะนาว 2 เซนติเมตร ทุกกิ่ง แล้ว ต่อมา พ่น ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ + ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอกเก่าทางดิน ต้นละ 1 กิโลกรัม ตามด้วย ปุ๋ยทางดินโยกหน้า ต้นละ 300 กรัม ช่วงปลายเดือน สิงหาคม ให้ น้ำตามปกติ

31 สิงหาคม พ่น แพคโคบิวทาโซล 400 ppm ให้ทั่วทุกใบ พอเปียก


***เมื่อมะนาว แตกใบอ่อนให้ พ่นยาทันทีอย่างน้อย 3 รอบ สููตร 1-4-8 โดยในวันแรก พ่นอิมิดาคลอพริด 2 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร เพื่อป้องกันหนอนเพลี้ย ในวันแรก ต่อมาวันที่ 4 ให้ใช้ อะบาเม็กติน 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร  แล้วในวันที่ 8  ให้ใช้เซพวิน 85 หนัก 25 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่ว ****

4 ต้นกันยายน บำรุงใบด้วย ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 7 วัน  จำนวน 2 รอบ
เสริม ไตรโครเดอร์ม่า ลงดินรอบทรงพุ่ม  ปลายเดือน กันยายน พ่นยากำจัดแบคทีเรีย และเชื้อรา  1 รอบ และ ให้ น้ำตามปกติ



5 ต้นตุลาคม พ่นปุ๋ยโยกหลังทางใบ และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 7 วัน  จำนวน 4  รอบ  ตามด้วย ให้ ปุ๋ยทางดินสูตร 0-0-60  จำนวนต้นละ 200 กรัม   พอ ถึงวันที่ 15 ตุลาคม พ่น แพคโคบิวทาโซล 400 ppm ให้ทั่วทุกใบ พอเปียก  งดให้น้ำแก่มะนาว 



6  พฤศจิกายน พ่นปุ๋ยโยกหลังทางใบ และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 7 วัน  จำนวน 4  รอบ  งดให้น้ำเด็ดขาด หากมีฝนตก ให้ ปุ๋ยทางใบสูตร 0-52-34 และ ปุ๋ยทางดินสูตร 0-0-60 จำนวน 100 กรัมต่อต้น


7 ธันวาคม งดน้ำ รอจนใบมะนาวแก่จัด  และ เริ่มเหี่ยวขาดน้ำ พอประมาณ  แล้ว ให้ เริ่มเปิดตาดอกได้ โดย

การเปิดตาดอก 
วันที่ 1 ให้ น้ำเต็มที่ 120%
วันที่ 2 ให้น้ำพอประมาณ 75%
วันที่ 4 ให้ ปุ๋ยทางใบสูตร 13-046 จำนวน 100 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร
วันที่ 5  ให้น้ำพอประมาณ 80%  ปุ๋ยทางดินสูตรเสมอ 15-15-15 ต้นละ 100 กรัม
รอให้ ดอกมะนาว ออก ระหว่างนีั้ ให้ น้ำ 80% ทุกวัน ดอกมะนาว ควรออก
อย่างช้าที่สุด ภาย 31 ธันวาคม เร็วสุด ราว 8 ธันวาคม 



เดือน ธันวาคม มักมีการแตกใบอ่อน ก่อนมะนาวออกดอก ให้ใช้ การพ่นยากำจัดแมลง สูตร 1-4-8 ทันทีที่แตกใบอ่อน

8 มกราคม มะนาวจะติดผลชัดเจน ให้ เพิ่ม น้ำเป็น 120% และ ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า แก่มะนาว ต้นละ จำนวน 200 กรัม  และ ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 14  วัน   และ อย่าลืม พ่นยากำจัดแบคทีเรีย และเชื้อรา  อีก 1 รอบ  นอกจากนี้ ควร พ่น เซพวิน สลับ อิมิดาโคลพริด + กำมะถัน เนื้อทาง เพื่อ ป้องกันเพลี้ยไฟ ไรแดง ทุก 14 วัน



9 กุมภาพันธ์ ผลมะนาวจะเริ่ม ขยาย ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า แก่มะนาว ต้นละ จำนวน 200 กรัม  และ ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 14  วัน   ให้ พ่นเซพวิน 85   จำนวน 1 ครั้ง เพื่อกำจัดหนอน และเพลี้ยไฟ

10 ต้นมีนาคม ผลมะนาว จะใหญ่ขึ้นอีก ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า แก่มะนาว ต้นละ จำนวน 200 กรัม  และ ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ เสริม ด้วย ธาตุอาหารรอง ทุก 14  วัน    ให้ พ่นอิมิดาคลอพริด  จำนวน 1 ครั้ง เพื่อกำจัดหนอน และเพลี้ยไฟ

11 กลาง เมษายน ถึง  พฤษภาคม ให้เก็บมะนาวลูกใหญ่ ขาย โดยต้องรีบเก็บก่อนผลมะนาว จะมีสีเหลือง

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

ทำสวนมะนาวให้ดีต้องมีกำไร

หากอยาก ทำสวนมะนาวให้มีกำไร ก็ หลักง่ายๆ คือ


1 ขายได้ ขายดี ผลิต มะนาว ให้ได้มากพอ และ ขายเป็น ขายเก่ง หาตลาดได้  คือ ต้องรู้ ว่าผลิตมะนาวออกมา   แล้ว รู้จะไปขายให้ใคร  หรือ ขายที่ไหน การตลาด การขายต้องพอเป็นบ้าง ขาดไม่ได้เลย   ผลิตมะนาว ออกมาต้องขายได้  หากอยาก ขายได้ มะนาวต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้่าหมาย



2 ขายให้ได้ ราคาดี ต้อง ทำมะนาวนอกนอกฤดู และ  ต้องสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก  ในกลุ่มลูกค้า มะนาวนอกฤดู จะมีออกมา ช่งวเดือน มีนาคม เมษายน  และ พฤษภาคม ของทุกปี  และ สุดท้าย ยุคนี้ เป็นเรื่องของ แบรนด์ สินค้าทุกชนิด ต้องมี แบรนด์ ที่ลูกค้ารู้จัก  และ สนใจ ตรงนี้ สำคัญมาก  สรุป มะนาวของคุณต้อง มียี่ห้อ คล้ายๆ กับ ส้มสายน้ำผึง ที่มีการสร้างแบรนด์






3 คุมต้นทุนให้ ต่ำไว้ก่อน การเลือกใช้  ปัจจัยการผลิต  อย่างถูกต้อง คุ้มค่า  และปรหยัด  โดยเฉพาะการใช้ ปุ๋ย หรือ หรือ สารกำจัดหญ้า  2 อย่างนี้ คนไหนคุมให้ ต่ำได้  แค่  การลดค่าปุ๋ย
 และ อาหารเสริม  ช่วยลดต้นทนได้ชัดเจน


วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

พื้นฐาน การประกอบ อาชีพทำสวนมะนาว ต้องอยู่ได้

            ในการทำอาชีพสวนมะนาวให้ไปรอดมีกำไร อยู่ได้ หัวใจ คือ การยืนระยะให้ได้ ประครองตัวให้รอด พอมีกำไร  พออยู่ได้  แล้ว ค่อยคิดทำกำไร ก้อนโตทีหลัง ราคามะนาว มีขึ้น มีลง หาก เจ้าของสวนมะนาว พื้ยฐานแน่น  เข้มแข็ง ก็จะอยู่รอดได้  ผู้เขียน มี หลักการ 5 ข้อ ในการทำสวนมะนาวเป็นอาชีพมาฝากครับ


1 สามารถลดต้นทุนได้  หากเจ้าของสวนมะนาว สามารถลดต้นทุน ได้มาก โอกาสขาดทุน หรือ ล่มจม จะน้อยแล้ว  แม้ ราคามะนาว อาจจะตกต่ำ  แต่ ถ้าต้นทุนเราต่ำกว่า เราก็อยู่ได้สบาย แนวทางการลดต้นทุนได้แก่

  • การประหยัดค่าปุ๋ย โดยใช้ปอเทือง ทำปุ๋ยหมักใช้เอง การปรับสภาพกรดด่างของดิน การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินแบบพอดี 
  • การตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง  แสงแดด เข้าได้ช่วย ลดโรคจากรา แบคทีเรียได้ ทำให้ ประหยัด ค่ายารักษาโรคมะนาวได้
  • การพ่นฝอยน้ำเป็นประจำ ช่วงอาการแห้งแล้ง ช่วยป้องกัน ไรแดง และ เพลี้ยไฟ ได้ดี ทำให้ ประหยัด ค่ายาฆ่าแมลงลงได้มาก


2 สามารถทำมะนาวนอกฤดูได้ จะทำให้ ขายมะนาว ราคาแพงกว่าปกติได้ถึง 3 เท่า หลักการทำมะนาวนอกฤดูคือ
  • ตัดปลายกิ่ง ทุก กิ่ง ช่วงต้นเดือน สิงหาคม  พร้อมให้ปุ๋ยบำรุงใบ  และรักษาไบ่อนด้วย ยาฆ่าแมลง ตามสูตร 1-4-8
  • เมื่อ มะนาวแตกใบอ่อน ครบ 1 เดือน ก็กดการแตกใบชุดใหม่ ด้วย ปุ๋ยโยกหลังทางใบ และสารแพคโคลบิวทางโซล  ขนาด 400 ppm
  • อดน้ำมะนาว  ตั้งแต่  10 ตุลาคม เป็นต้นไป  และ กดไนโตรเจน ด้วยปุ๋ย 0-52-34 เมื่อมีฝนตก
  • เปิดตาดอก ด้วยการให้น้ำและ ปุ๋ย 13-0-46 ในเดือน ธันวาคม หากมะนาวออกดอก เดือนนี้ จะสามารถเก็บผลมะนาวช่วงราคาแพง ขายได้ 

แพคโคลบิวทาโซล


3 การรักษาผลมะนาวให้มีคุณภาพดี ผิวสวย ผลใหญ่ น้ำมาก


ให้ อ่าน ในบทความ นี้    คลิก การดูแลผลมะนาวให้ดี 



ปุ๋ยโยกหลังทางใบ


4 การพัฒนาคุณภาพให้สวนมะนาวผ่านการรับรอง GAP ตาม มาตราฐาน กระทรวงเกษตร จะทำให้มะนาวได้รับการยอมรับ ในการขายในห้างสรรพสินค้า และ สามารถส่งออกได้ ทำให้ได้ราคาขายเพิ่มขึ้น




5 การสร้างจุดเด่น และ ชื่อเสียงให้ กับ มะนาวของคุณ  ทำให้ มะนาวได้รับความนิยม ขายดี มีลูกค้าประจำ ราคาก็จะดีไปด้วย ไม่มีราคาตกง่ายๆ


วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

อย่าลืมดูแลดินด้วย

แสดงการดูธาตุอาหารตาม pH ดิน


การปลูกไม้ผลทุกชนิด  ดินสำคัญมาก เพราะหากดินมีปัญหา จะส่งผลเสียดังนี้

1 ดินเป็นกรดมากไป ธาตุอาหารจะไม่ดูดซึม ให้ ปุ๋ยไปก็ไร้ค่า

2 ดินเป็นกรดมากไป พืชจะเครียด อ่อนแอ เกิดโรคกับ ระบบราก จนยืนต้นตาย




3 ดินที่ขาดอินทรีย์วัตถุ ทำให้ ไม่สามารถเก็บกัก ธาตุอาหารได้

4 ดินที่ขาดจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ ทำให้ ธาตุอาหาร น้อย และเกิดโรคติดเชื้อ


วัด pH ดิน ทุก 3 เดือน


สิ่งที่ต้องทำก็คือ

  • ตรวจวัด pH ดิน หากต่ำกว่า 6 แสดงว่าดินเป็นกรด ต้องแก้ด้วยปูนขาว หรือ โดลาไมท์ ให้ได้ค่า pH อยู่ประมาณ 6.5-7.0 กำลังดี
  • ติมปุ๋ยหมักลงในดิน  ทุก 6 เดือน  และ คลุมฟางที่รอบทรงพุ่มต้นไม้ทุกปี ปล่อยให้ฟางย่อยสลายไปเอง

  • เติมเชื้อ EM   เชื้อรา ไตรโครเดอร์มา และ หัวเชื้อแบคทีเรีย คิลเลอร์บี ลงดินทุก ๆ 6 เดือน


คิลเลอร์บี ให้ แบคทีเรีย ที่มีประโยชน์ แก่ พืช

วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560

กระจายความเสี่ยง ในการปลูกมะนาว

มะนาว  เป็นพืชที่ราคา มีขึ้น มีลง  โดยเฉพาะ ในช่วงนี้ ราคามะนาวเริ่มตกต่ำ

แต่อย่างไรก็ตาม  หากมีน้ำท่วมใหญ่  ก็จะทำให้มะนาวตายจำนวนมากราคา

ก็จะเพิ่มสูงได้ 



การวางแผนปลูกมะนาวนอกฤดูเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร

ราคามะนาวจะแพงมากในเดือน เมษายน และ พฤษภาคม ทุกปี

และราคาจะถูกมาก ในเดือน กรกฏาคม สิงหาคม และ กันยายน ของทุกปีเช่นกัน

เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ควรทำมะนาว ขาย 2 รุ่น คือ รุ่นเดือนเมษายน

 อีกรุ่นคือ พฤษภาคม  โดยปกติมะนาว ตั้งแต่ออกดอก ถึงเก็บผลใช้เวลา 5 เดือน

หากจะขายช่วงมะนาวแพง ต้องออกดอก เดือน พฤศจิกายน ถึงธันวาคม ดังนั้น

จะเริ่มตัดปลายยอดมะนาว ทุกกิ่งในช่วงวันที่ 15 กรกฏาคม ถึง 15 สิงหาคม เท่านั้น




การปลูกพืชอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง

1 แนะนำขั้นต้นปลูกพืชที่ดูแลคล้ายมะนาว  ซึ่งได้แก่ มะกรูด เลมอน และ ส้ม
2 ปลูกพืชแซมระหว่างแถวมะนาว แนะนำ มะละกอ  พริกขี้หนู และ กล้วยหอม
3 ปลูกพืชริมรั้ว หรือ ปลายสวน แนะนำ ปลูกไผ่รวก  ชะอม  และ สะเดา
4 ปลูกพืชที่ช่วยกำจัด หนอน แมลง ศัตรูพืช ได้แก่ สะเดา คูน  ขมิ้นชัน ยาสูบ



มะกรูด ดูแลง่ายกว่ามะนาว ปลูกระยะชิด ตัดใบขายทุก 50 วัน
เลมอน ทนโรคแคงเกอร์มากกว่า ราคาดีทั้งปี  คนปลูกน้อย
ส้ม ราคายังดีเรื่อยๆ แนวโน้มทั่วโลก ส้มขาดแคลน
พริกขี้หนู  ขายง่าย ราคาดี และ ใช้ไล่เพลี้ยได้
ไผ่รวก ใช้เป็น ไม้ค้ำในสวนมะนาว




ชะอม ยอดอ่อน ขายได้ กิ่งมีหนาม ป้องกัน ผู้บุกรุก
สะเดา ดอกอ่อนกินได้  เมล็ดใช้ฆ่าแมลง ไม้ใช้สอยได้
คูน  ฝักแก่ ใช้กำจัดแมลงได้ดี
ยาสูบ และ ขมิ้นชัน กำจัดหนอน เพลี้ย ผีเสื้อได้ดี



วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปัจจัยที่ ทำให้มะนาวออกดอก นอกฤดู

การขายผลมะนาวราคาแพงในช่วง เดือนพฤษภาคม นั้น เราต้องให้มะนาว

ออกดอก ใน ช่วง วันที่  15 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคม เป็นอย่างช้า ก็จะสามารถ

ขายมะนาวในช่วงแพงที่สุด ได้ โดยมี ปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้




1 ใบมะนาวต้องแก่พอ อายุ ประมาณ 90-120 วัน ให้นับจากตัดปลายยอดมะนาว

ดังนั้น ควรตัด ปลายยอดมะนาว ประมาณ วันที่ 25 กรกฏาคม ถึง 3  กันยายน เมื่อตัด

ปลายยอดมะนาวแล้ว เราจะให้ น้ำ+ ปุ๋ยโยกหน้าทางดิน อย่างมากพอ เพื่อกระตุ้นให้

เกิดการแตกใบอ่อน พร้อมๆ กัน หลังตัดปลายยอด โดยเร็ว นอกจากนี้ การปรับแก้ดิน



เป็นกรด โดยการใช้ ปูนขาว  หรือ โดโลไมท์ ก็จำเป็นมากด้วย โดยปรับให้ pH = 6.5

และเมื่อมีใบอ่อนแตกออกมาให้ รีบพ่น ยาฆ่าแมลงสูตร 1-4-8 ตามนี้

สูตรทั่วไป วันที่ 1  ฟิโพรนิล  วันที่ 4 อิมิดาคลอพริด วันที่ 8 อะบาเม็กติน



สูตรปลอดสารพิษ วันที่ 1 ไวท์ออยล์ วันที่ 4 บิววาเรีย + ใบยาสูบ  วันที่ 8 บิววาเรีย +บีที



2 ความสมบูรณ์ ในการสะสมอาหาร ของต้นมะนาว ซึ่งขึ้นกับ การสังเคราะห์แสง




โดยใบจะต้องมีแต่ใบแก่จัด คือ สามารถ ยับยั้งการแตกใบอ่อนได้ในช่วง เดือน

1 ตุลาคม ถึง 15  พฤศจิกายน  ไม่ควรมีการแตกใบอ่อน ยกเว้น ช่วงที่จะให้ออกดอก

เท่านั้น นั่นก็ ช่วง ก่อน วันที่ 15 พฤศจิกายน  ต้องไม่มีการแตกใบอ่อน  กรณี ออก

ดอกในวันที่ 15 พฤศจิกายน    เพราะใบอ่อน จะ สังเคราะห์แสง ได้น้อยมาก



กรณี จะให้มะนาวออกดอก เดือน ธันวาคม ในช่วง 15 ตุลาคม ถึง 30  พฤศจิกายน

ต้องไม่มีการแตกใบอ่อน โดย เราจะใช้ แพคโคบิวทาโซล และ ปุ๋ยโยกหลังทางใบ

เป็นตัว ป้องกันการแตกใบอ่อน ก่อนเวลาที่กำหนด




3 การได้รับธาตุอาหาร อย่างเพียงพอ ก่อนที่มะนาวจะออกดอก ใน ระยะที่กำหนด

โดยหลังจาก ใบมะนาวแตกใบอ่อนออกมาใหม่ ต้องได้ ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ ทุก 7-10 วัน



อย่างน้อย  1 เดือน โดยให้ ปุ๋ยนกเงือกเขียว หรือ ปุ๋ย นูเทค ไฮเอ็น  โดยให้หลังตัดปลายยอด

มะนาวประมาณ 1 สัปดาห์  เมื่อ ใบมะนาวอายุครบ 30 วัน ให้ เปลี่ยนสูตร เป็น ปุ๋ยโยกหลัง

ทางใบ โดย ต้องให้ ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นาน ราวๆ 60 วัน แล้วจึงค่อยเปิดตาดอก



นอกจากนี้ ควรเสริมด้วยธาตุอาหาร รวมด้วย   สำหรับ ปุ๋ยโยกหลังที่แนะนำ คือ ปุ๋ยยี่ห้อ

ชาลีเฟท 10-20-30 สีทอง หรือ ปุ๋ยนกเงือกแดง ก็เป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ อาจใช้

ปุ๋ย นูเทค ซุปเปอร์เค ก็ได้อีกด้วย




4 อากาศหนาวเย็น ช่วงก่อนออกดอก สัก 15 วัน หากพบว่า มี อุณหภูมิ ต่ำๆ ใน ช่วงเดือน

 พฤศจิกายน  จะช่วยให้มะนาว ออกดอก นอกฤดูได้ดี โดยเฉพาะ หาก อุณหภูมิต่ำกว่า

 12 องศาเซลเซียสมะนาว จะออกดอกแน่นอน



5 การอดน้ำก่อนออกดอก ประมาณ 30 วัน หากมะนาวไม่ได้น้ำทางดิน หรือ มี ฝนตกเลย

มะนาวจะเกิดความเครียด  และ ยังไม่มีการแตกใบอ่อน แน่นอน ทำให้ มะนาวมีความพร้อม

จะออกดอกมากขึ้น หากเปิดตาดอก ในช่วงใบแก่มะนาว เริ่มแสดงอาการขาดน้ำเล็กน้อย



โอกาสดอกจะมีมากขึ้นแน่นอน  กรณีมีฝนตกในช่วงนี้ เราจะใช้ ปุ๋ยทางใบสูตร 0-52-34

หรือ ปุ๋ยทางดินสูตร 0-0-60 ในการป้องกันมะนาวแตกใบอ่อน  หรือ อาจใช้ฮอร์โมนเข้าช่วย

แนะนำ ยี่ห้อ MEP  หรือ เม็พ จะได้ผลดีหากฝนตกมาก







วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตารางปฏิบัติงานเปิดตาดอกมะนาว ธันวาคม

ประมาณ 15 ตุลาคม ตรวจ วัด pH ดิน ปรับให้ได้ 6.0 - 7.0 ช่วงเช้า


ปุ๋ยนกเงือกแดง

ให้ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นกเงือกแดง 40 กรัม  ผสมน้ำ 20 ลิตร หรือ ปุ๋ยชาลีเฟท 10-20-30
+ พ่น อะบาเม็กติน หรือ แบบปลอดสารพิษ ใช้ ไวท์ออย พ่นตอนเย็น
แพคโคบิวทาโซล 15% หนัก 53 กรัม ต่อ น้ำ 20  ลิตร พ่นใบ บางๆ พอเปียก


อะบาเม็กติน



ประมาณ 22 ตุลาคม
ใส่ ไตรโคเดอร์ม่า ลงดิน + ปุ๋ย 0-0-60 ต้นละ 200 - 300  กรัม

ไตรโคเดอร์ม่า


ปุ๋ย 0-0-60


ให้ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นกเงือกแดง 40 กรัม  ผสมน้ำ 20 ลิตร
+ พ่น อะบาเม็กติน หรือ แบบปลอดสารพิษ ใช้ ไวท์ออย พ่นตอนเย็น

แพคโคบิวทาโซล

ประมาณ 29 ตุลาคม พ่น Super C เพื่อทำลายเชื้อโรคทั้งหมด 1 ซอง ต่อ 20 ลิตร


Super C


ให้ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นกเงือกแดง 40 กรัม  ผสมน้ำ 20 ลิตร  ปุ๋ยชาลีเฟท 10-20-30

หากฝนตก ให้ใช้ ปุ๋ยทางใบ สูตร 0-52-34 100 กรัม ต่อ น้ำ 20  ลิตร พ่นหลังฝนตก ทันที 


ใช้ตอนฝนตก

ประมาณ 5 พฤศจิกายน งดน้ำทุกชนิด ใช้ หัวใจสิงห์ พ่นป้องกันโรคแคงเกอร์ + ราน้ำหมาก

หัวใจสิงห์ปราบโรคพืช


ให้ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นกเงือกแดง 40 กรัม  ผสมน้ำ 20 ลิตร ปุ๋ยชาลีเฟท 10-20-30

หากฝนตก ให้ใช้ ปุ๋ยทางใบ สูตร 0-52-34 100 กรัม ต่อ น้ำ 20  ลิตร พ่นหลังฝนตก ทันที

ปุ๋ยชาลีเฟท 10-20-30


พ่น อิมิดาคลอพริด หรือ แบบปลอดสารพิษ ใช้ ไวท์ออย พ่นตอนเย็น 

อิมิดาคลอพริดน้ำ

ประมาณ 12  พฤศจิกายน งดน้ำทุกชนิด ใช้ หัวใจสิงห์ พ่นป้องกันโรคแคงเกอร์ + ราน้ำหมาก

ให้ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นกเงือกแดง 40 กรัม  ผสมน้ำ 20 ลิตร  ปุ๋ยชาลีเฟท 10-20-30

หากฝนตก ให้ใช้ ปุ๋ยทางใบ สูตร 0-52-34 100 กรัม ต่อ น้ำ 20  ลิตร พ่นหลังฝนตก ทันที 


อิมิดาคลอพริด แบบผง

ประมาณ 19  พฤศจิกายน งดน้ำทุกชนิด ใช้ หัวใจสิงห์ พ่นป้องกันโรคแคงเกอร์ + ราน้ำหมาก

ให้ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นกเงือกแดง 40 กรัม  ผสมน้ำ 20 ลิตร หากฝนตก 
ให้ใช้ ปุ๋ยทางใบ สูตร 0-52-34 100 กรัม ต่อ น้ำ 20  ลิตร พ่นหลังฝนตก ทันที 
ภาคใต้ มีฝนตก ให้หาแกลบดิบ เพื่อดูดความชื้นจากดิน ต้นละ 2 กิโลกรัม

ประมาณ 26  พฤศจิกายน งดน้ำทุกชนิด ใช้  คิลเลอร์บี พ่นป้องกันโรคแคงเกอร์ + ราน้ำหมาก

ให้ปุ๋ยโยกหลังทางใบ นกเงือกแดง 40 กรัม  ผสมน้ำ 20 ลิตร หากฝนตก 
ให้ใช้ ปุ๋ยทางใบ สูตร 0-52-34 100 กรัม ต่อ น้ำ 20  ลิตร พ่นหลังฝนตก ทันที 



 27  พฤศจิกายน เป็นต้นไป   หาก ใบเริ่มแสดงอาการขาดน้ำ มีห่อเหี่ยวเล็กน้อย ให้ เปิดตาดอก ทันที 


ปุ๋ยเปิดตาดอก 13-0-46

ขั้นตอนการเปิดตาดอก
  • Day 1 ให้ น้ำ 100%
  • Day 2 ให้ น้ำ 100%
  • Day 3 ให้ น้ำ 90%  และปุ๋ยทางใบสูตร 13-0-46  หนัก 100 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร
  • Day 4 ให้ น้ำ 60%
  • Day 5 ให้ น้ำ 60%
  • Day 6 ให้ น้ำ 90%  และปุ๋ยทางใบสูตร 13-0-46  หนัก 100 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร

เกิดตาดอก ภายใน 5 ถึง 7 วัน หลังเปิดตาดอก แล้ว ประมาณ 1 ถึง 10 ธันวาคม


อ่านเพิ่มเติม



วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตารางปฏิบัติงาน มะนาวปลูกใหม่

ก่อนปลูกมะนาว ควรแช่งกิ่งมะนาว ใน Super C นาน 30 นาที



7-14 มกราคม เหมาะแก่การ ปลูกมะนาว หาก มีระบบน้ำดี 


แนะนำ ปลูกมะนาวใหม่ตอนเย็น ใส่ ปูนขาว หรือ โดโลไมท์



ปรับ ความเป็นกรดด่าง ของดิน ใน ช่วง 6.0 - 7.0 เสริมด้วย



แกลบเผา  หลุมละ 2 กำมือ ราดรองก้นหลุมและ จุ่ม ราก

มะนาว ด้วยเชื้อราไตรโครเดอร์ม่า ปกติ จะขุดหลุมลึกประมาณ



15 ถึง 30 เซนติเมตร กำลังดี อาจรองกินหลุมด้วย ยาฆ่าแมลง

แนะนำ สตาร์เกิ้ล จี ต้นละ 1 ช้อนชา รดน้ำทุกวัน นานติดต่อกัน 14 วัน



 นับจากวันปลูกมะนาว พอมะนาว พอมะนาวแตกใบอ่อน ให้ ปุ๋ยทางดิน

ต้นละ 1 ถึง 2 ช้อนชา ทุก 7 วัน จนมะนาวมีอายุครบ  2 เดือน แนะนำสูตร



21-7-14  หรือ สูตร 22-7-18 ก็ถือว่าใช้ได้เลย



การรักษายอดใบอ่อนมะนาว จะทำเดือนละ  1 ครั้ง

เมื่อแตกใบอ่อนให้ พ่นยาฆ่าแมลทันที แนะนำ พ่น อิมิดาคลอพริด  วันที่ 1



นับ ไป จนถึงวันที่  4 พ่น คาราเต้ ต่อมา ในวันที่ 8 พ่น  อิมิดาคลอพริด  อีก



หากเวลา น้อย จะพ่น วันที่ 1  วันที่ 8 และ วันที่ 15 ก็ได้เช่นกัน โดย

วันที่ 1 พ่น อิมิดาคลอพริด
วันที่ 8 พ่น อะบาเม็กติน +  อิมิดาคลอพริด
วันที่ 15 พ่น คาราเต้


สรุปในแต่ละเดือน จะพ่น ยาฆ่าแมลง แค่  3 ครั้ง เท่านั้น ครับ